ช่วงเวลาแตกแจ็คพอตสล็อต จังหวะจ่ายแจ็คพอตหนักของเกมสล็อต

แปลก! ฮือฮา เลขเด็ด ลูกมะละกอ คล้าย เขาควาย-พญานาค-งวงช้าง เจ้าของบ้านเผย มีอภินิหาร
แปลก! ฮือฮา เลขเด็ด ลูกมะละกอ คล้าย เขาควาย-พญานาค-งวงช้าง เจ้าของบ้านเผย มีอภินิหาร เชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้โชคให้ลาภ

วันที่ 5 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบมะละกอพันธุ์แขกดำแปลก ออกลูกมาคล้ายเขาควายหรืองวงช้างทั้งต้น ที่บ้านนายเกรียงศักดิ์ ใจเย็น อายุ 45 ปี ชาวบ้านหมู่ 11 บ้านห้วยลึก ต.บ้านตุ่น อ.เมือง จ.พะเยา ที่ปลูกต้นมะละกอพันธุ์แขกดำ ไว้ในสวน 10 กว่าต้น อายุประมาณ 8 เดือน

โดยแต่ละต้นออกลูกมาปกติ แต่มีอยู่ 1 ต้นที่ออกลูกทั้งต้นมาคล้ายเขาควายหรืองวงช้าง Admauto99 เจ้าของบอกว่าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ปลูกมะละกอมา

นายเกรียงศักดิ์ เจ้าของต้นมะละกอ เล่าให้ฟังว่า ตนเองปลูกมะละกอ ภายในบริเวณสวน ได้ประมาณ 8 เดือน ซึ่งมะละกอแต่ละต้นที่ปลูก ออกลูก ออกผลมา ลักษณะปกติ แต่มีต้นมะละกออยู่ ต้นหนึ่งที่ ผิดแปลกจากต้นอื่นคือออกลูกมาทั้งต้นมี 4 ลูกแต่ละลูก คล้ายเขาควาย พญานาคหรือ งวงช้าง
แปลก! ฮือฮา เลขเด็ด ลูกมะละกอ คล้าย เขาควาย-พญานาค-งวงช้าง เจ้าของบ้านเผย มีอภินิหาร

"เชื่อว่าน่าจะมาให้โชคให้ลาภและอาจมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิงสถิตอยู่และ แสดง อภินิหาร ทำให้ ต้นมะละกอดังกล่าว ออกลูก มีลักษณะ แปลกให้เห็นจึงเก็บรักษา ให้ เจริญเติบโตอยู่กับต้นต่อไป" นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

แปลก! ฮือฮา เลขเด็ด ลูกมะละกอ คล้าย เขาควาย-พญานาค-งวงช้าง เจ้าของบ้านเผย มีอภินิหาร
แปลก! ฮือฮา เลขเด็ด ลูกมะละกอ คล้าย เขาควาย-พญานาค-งวงช้าง เจ้าของบ้านเผย มีอภินิหาร เชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้โชคให้ลาภ

วันที่ 5 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบมะละกอพันธุ์แขกดำแปลก ออกลูกมาคล้ายเขาควายหรืองวงช้างทั้งต้น ที่บ้านนายเกรียงศักดิ์ ใจเย็น อายุ 45 ปี ชาวบ้านหมู่ 11 บ้านห้วยลึก ต.บ้านตุ่น อ.เมือง จ.พะเยา ที่ปลูกต้นมะละกอพันธุ์แขกดำ ไว้ในสวน 10 กว่าต้น อายุประมาณ 8 เดือน

โดยแต่ละต้นออกลูกมาปกติ แต่มีอยู่ 1 ต้นที่ออกลูกทั้งต้นมาคล้ายเขาควายหรืองวงช้าง Admauto99 เจ้าของบอกว่าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ปลูกมะละกอมา

นายเกรียงศักดิ์ เจ้าของต้นมะละกอ เล่าให้ฟังว่า ตนเองปลูกมะละกอ ภายในบริเวณสวน ได้ประมาณ 8 เดือน ซึ่งมะละกอแต่ละต้นที่ปลูก ออกลูก ออกผลมา ลักษณะปกติ แต่มีต้นมะละกออยู่ ต้นหนึ่งที่ ผิดแปลกจากต้นอื่นคือออกลูกมาทั้งต้นมี 4 ลูกแต่ละลูก คล้ายเขาควาย พญานาคหรือ งวงช้าง
แปลก! ฮือฮา เลขเด็ด ลูกมะละกอ คล้าย เขาควาย-พญานาค-งวงช้าง เจ้าของบ้านเผย มีอภินิหาร

"เชื่อว่าน่าจะมาให้โชคให้ลาภและอาจมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิงสถิตอยู่และ แสดง อภินิหาร ทำให้ ต้นมะละกอดังกล่าว ออกลูก มีลักษณะ แปลกให้เห็นจึงเก็บรักษา ให้ เจริญเติบโตอยู่กับต้นต่อไป" นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

พรุ่งนี้จะถึงวันเกิด ชายล่าสัตว์ ส่องไฟเห็นแววตาคล้ายอีเห็น ลั่นไกสนั่น เด็ก 14 หาเห็ดเสียชีวิตพรุ่งนี้จะถึงวันเกิด สลดชายล่าสัตว์ ส่องไฟเห็นแววตาคล้ายอีเห็น ลั่นไกสนั่น เด็ก 14 หาเห็ดเสียชีวิต ยายร่ำไห้สุดเศร้า เสียหลานกลางป่า เตรียมเป่าเค้กหน้าโลง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ส.ค.2567 พ.ต.ท.สง่า อินทร์สาธร สว.ใหญ่ สภ.หนองบ่อ อ.นาแก พ.ต.ท.วาริน สุขพร สว.สส. ร.ต.อ.ชนุตร์ ภูเทียมศรี สว.(สอบสอบ) ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผายล คุมตัว นายพร (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ชาว บ.โคกสีทอง ต.ก้านเหลือง อ.นาแก ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ

หลังใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิง ด.ช.สหภาพ (สงวนนามสกุล) หรือ เต่า อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่เสียชีวิต เหตุเกิดป่าภูสันกกดู่ เทือกเขาภูพาน บ.จอมศรี ม.13 ต.ก้านเหลือง วันที่ 4 ส.ค.67 Admauto99


โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นภูสันดู่ห่างจากตีนเขา 13 กิโลเมตร ไป-กลับ 26 กิโลเมตร นาน 4 ชั่วโมง เพื่อค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ หลังถูกทิ้งไว้ใต้ต้นเปือย จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน โดยนำชี้จุดก่อเหตุ จุดยิงและทิ้งปืนบนเขาหลังต้นไม้ใหญ่ ใช้เวลา 20 นาที จึงคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.หนองบ่อ


พ.ต.ท.สง่า เผยว่า สืบเนื่องจากเวลา 03.00 น. วันที่ 4 ส.ค.67 ร.ต.อ.ชนุตร์ รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงบาดเจ็บสาหัส อยู่ระหว่างนำร่างลงจากเขา ขอให้มาตรวจสอบด้วย พบชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังหามร่าง ด.ช.สหภาพ ลงมาจากเขาได้ 10 กิโลเมตร ระหว่างทางทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต จึงประสานรถกู้ชีพ อบต.ก้านเหลือง นำส่งชันสูตรที่ รพ.นาแก

จากการชันสูตรพบว่า ด.ช.สภาพ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาวไทยประดิษฐ์ เข้าตามร่างกายหน้าอกซ้าย 5 แห่ง แขนซ้าย 2 แห่งรวม 7 แห่ง จนเสียชีวิต

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, มีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครอง, พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

สอบสวนนายพร มือปืนให้การว่า ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ที่ภูสันดู่บ่อยครั้ง ก่อนเกิดเหตุนำโคมไฟส่องติดศีรษะ ส่องเข้าไปเห็นแววตาคล้ายสัวต์อีเห็น จึงใช้อาวุธปืนลูกซองยาวไทยประดิษฐ์ที่ใช้ล่าสัตว์ ยิงไประยะ 50 เมตร แต่ไม่นึกว่าจะคนไปหาเห็ด หลังก่อเหตุสำนึกผิดจึงให้ลูกชายพาไปมอบตัวที่ สภ.หนองบ่อ ช่วง 6 โมงเช้า หลังทำแผนเสร็จจะขอไปขมาศพ

นายวรเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ลุง ด.ช.14 ปีผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้ชักชวนหลานชายและเพื่อนร่วมห้อง ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ เดินขึ้นภูสันดู่ไปหาเห็ดไคเพื่อมาแกงกิน ขณะผู้ตายหาเห็ด 2 ดอกได้ยินเสียงปืนขึ้น 1 นัดดังสนั่นลั่นป่า จึงรีบวิ่งไปดูพบหลานวัย 14 บาดเจ็บสาหัส จึงช่วยกันหามร่างลงมาได้แค่ 3-4 กิโลเมตร กระทั่งหลานเสียชีวิต

ด้าน นางถนน (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ยายเด็ก 14 ปี กล่าวว่า หลานชายคนนี้พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อายุได้ 1 เดือน จึงเลี้ยงดูมาแต่แบเบาะ ก่อนเกิดเหตุหลานชายและลุงได้ชักชวนกลุ่มเพื่อน 4-5 คนไปหาเห็ดมาประกอบอาหารกินในวันหยุด เนื่องจากเห็นในป่าจุดนี้ออกเยอะ เดินขึ้นไปหาเห็นตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงวันที่ 3 ส.ค.67

"กระทั่งช่วงกลางดึก เพื่อนบ้านโทรศัพท์มาบอกหลานถูกยิง จึงร้องไห้ไม่หยุดทั้งคืน หลานคนนี้กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก ไม่น่าจะมาจบชีวิตกลางป่า ก่อนจะถึงวันเกิดในวันที่ 5 ส.ค.67นี้ แค่ 1 วัน ทุกครั้งวันเกิดจะให้เงินไปซื้อขนมกิน แต่ปีนี้ตั้งใจจะซื้อเค้กก้อนเล็กๆฉลองวันเกิดให้หลาน แต่มาจบชีวิตสลดกลางป่าเขาดงดิบ คงต้องซื้อเค้กไปเป่าหน้าโลงศพแทน" ยายวัย 64 กล่าวทิ้งท้าย

หลังชาวบ้านและเพื่อนบ้าน รวมทั้งญาติพี่น้องทราบข่าวช่วงสายวันนี้ ต่างพากันแห่มาจุดธูปไว้อาลัย มีผู้เฒ่าผู้แก่มาร่วมงานพากันจุดธูปไว้อาลัยก่อนน้ำหลั่งน้ำตา เพราะสงสารหนูน้อยรายนี้ โดยญาติจะนำร่างไปประกอบพิธีฌาปนกิจวันที่ 7 ส.ค.67 นี้ ที่เมรุวัดสว่างแจ้ง บ.จอมศรี ม.2

เด็กเวียดนามหิ้วกระสอบ เก็บขวดตามทาง ทำคนสงสารจนไปถาม เฉลยไม่ได้จน
เด็กเวียดนามหิ้วกระสอบ เก็บขวดตามทาง ทำคนสงสารจนไปถาม-ชวนคุย เฉลยไม่ได้จนอย่างที่คิด มาเก็บขยะเพราะพ่อแม่

กระแสไวรัลในโลกออนไลน์กำลังแห่แชร์คลิปวิดีโอของเด็กน้อยคนหนึ่งเดินไปเดินมาพร้อมถือถุงใบใหญ่เพื่อเก็บขวดน้ำและขยะต่าง ๆ ทำเอาคนเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ แต่ความจริงแล้วเด็กน้อยไม่ได้ยากจนแบบที่ใครคิด

ตามรายงาน ชายคนหนึ่งเจอเด็กชายเก็บเศษขวดและขวดรอบ ๆ อพาร์ทเมนต์ บางครั้งก็มองผ่านถังขยะเพื่อมองหาขวดและพลาสติก ซึ่งเด็กชายดูค่อนข้างเรียบร้อยและสะอาดและมีป้ายชื่อคล้องคอ Admauto99

เมื่อมองดูเด็กชายแล้วชายหนุ่มรู้สึกสงสารเขาจึงเรียกเด็กน้อยมาใกล้ ๆ และมอบขวดให้ 2 ขวดเพื่อให้กำลังใจเด็ก จากนั้นถามว่า ทำไมถึงมาเก็บขยะและนำไปให้ใคร เด็กน้อยตอบกลับมาว่า เก็บไปให้พ่อแม่ เพื่อตัวเองจะได้หาเงิน

เนื่องจากความขี้เกียจเรียนของตนเอง ทำให้พ่อแม่ดัดนิสัยและสอนบทเรียนในลูกด้วยการไม่เรียนก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ก็ให้เริ่มธุรกิจทันทีด้วยการเก็บขวดหาเลี้ยงชีพ "ถ้าไม่เรียน พ่อแม่จะส่งไปเก็บขยะ ไม่เรียนก็ควรเก็บขยะ"

ด้านชายหนุ่มได้ยินก็บอกให้เด็กน้อยกลับไปเรียนเถอะ ก่อนเด็กจะแย้งว่า "แต่พ่อแม่ไม่ให้ผมเรียนอีกแล้ว" งานนี้ ชายหนุ่มให้คำปรึกษากับเด็กน้อยว่า "ไปขอโทษพ่อแม่ซะ" ซึ่งเด็กน้อยบอกว่า ตนเองเคยขอโทษพ่อแม่แต่พ่อแม่ยังไม่ใจอ่อน

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม หลาย ๆ คนบอกว่าทั้งเศร้าและตลก บางคนเห็นด้วยกับแนวทางของพ่อแม่ที่ว่าถ้าพ่อแม่เข้มงวด ลูกจะเป็นคนดี แต่ถ้าปล่อยให้ลูกมีความสุขตลอดไป ลูกก็จะนิสัยเสีย แต่ก็มีบางคนกังวลกลัวว่าลูกจะตกอยู่ในอันตรายเมื่อเดินคนเดียวแบบนั้นจึงควรให้พ่อแม่ตามหลังอย่างใกล้ชิดจะดีกว่า

เด็กเวียดนามหิ้วกระสอบ เก็บขวดตามทาง ทำคนสงสารจนไปถาม เฉลยไม่ได้จน
เด็กเวียดนามหิ้วกระสอบ เก็บขวดตามทาง ทำคนสงสารจนไปถาม-ชวนคุย เฉลยไม่ได้จนอย่างที่คิด มาเก็บขยะเพราะพ่อแม่

กระแสไวรัลในโลกออนไลน์กำลังแห่แชร์คลิปวิดีโอของเด็กน้อยคนหนึ่งเดินไปเดินมาพร้อมถือถุงใบใหญ่เพื่อเก็บขวดน้ำและขยะต่าง ๆ ทำเอาคนเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ แต่ความจริงแล้วเด็กน้อยไม่ได้ยากจนแบบที่ใครคิด

ตามรายงาน ชายคนหนึ่งเจอเด็กชายเก็บเศษขวดและขวดรอบ ๆ อพาร์ทเมนต์ บางครั้งก็มองผ่านถังขยะเพื่อมองหาขวดและพลาสติก ซึ่งเด็กชายดูค่อนข้างเรียบร้อยและสะอาดและมีป้ายชื่อคล้องคอ Admauto99

เมื่อมองดูเด็กชายแล้วชายหนุ่มรู้สึกสงสารเขาจึงเรียกเด็กน้อยมาใกล้ ๆ และมอบขวดให้ 2 ขวดเพื่อให้กำลังใจเด็ก จากนั้นถามว่า ทำไมถึงมาเก็บขยะและนำไปให้ใคร เด็กน้อยตอบกลับมาว่า เก็บไปให้พ่อแม่ เพื่อตัวเองจะได้หาเงิน

เนื่องจากความขี้เกียจเรียนของตนเอง ทำให้พ่อแม่ดัดนิสัยและสอนบทเรียนในลูกด้วยการไม่เรียนก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ก็ให้เริ่มธุรกิจทันทีด้วยการเก็บขวดหาเลี้ยงชีพ "ถ้าไม่เรียน พ่อแม่จะส่งไปเก็บขยะ ไม่เรียนก็ควรเก็บขยะ"

ด้านชายหนุ่มได้ยินก็บอกให้เด็กน้อยกลับไปเรียนเถอะ ก่อนเด็กจะแย้งว่า "แต่พ่อแม่ไม่ให้ผมเรียนอีกแล้ว" งานนี้ ชายหนุ่มให้คำปรึกษากับเด็กน้อยว่า "ไปขอโทษพ่อแม่ซะ" ซึ่งเด็กน้อยบอกว่า ตนเองเคยขอโทษพ่อแม่แต่พ่อแม่ยังไม่ใจอ่อน

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม หลาย ๆ คนบอกว่าทั้งเศร้าและตลก บางคนเห็นด้วยกับแนวทางของพ่อแม่ที่ว่าถ้าพ่อแม่เข้มงวด ลูกจะเป็นคนดี แต่ถ้าปล่อยให้ลูกมีความสุขตลอดไป ลูกก็จะนิสัยเสีย แต่ก็มีบางคนกังวลกลัวว่าลูกจะตกอยู่ในอันตรายเมื่อเดินคนเดียวแบบนั้นจึงควรให้พ่อแม่ตามหลังอย่างใกล้ชิดจะดีกว่า

อึ้ง เมนูทหาร ทบ.มื้อ 10 บาท ราคาถูกกว่าทหารเกณฑ์เท่าตัว คุณภาพคับแก้ว คาว-หวานครบ
อึ้ง เมนูทหาร ทบ.มื้อ 10 บาท ราคาถูกกว่าทหารเกณฑ์เท่าตัว คุณภาพคับแก้ว คาว-หวานครบ ถ้าประชาชนอยากชิม ใช้บริการได้คนละ 40 บาท

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.67 หลังตกเป็นที่วิพากวิจารณ์กันในโซเชียลมีเดีย กรณีทหารกองประจำการของหน่วยทหารหน่วยหนึ่งในกทม. อัดคลิปรีวิวอาหารเช้า ประกอบด้วย 2 เมนู คือ ต้มจืดแตงกวาใส่ไข่ และกุนเชียงทอด สภาพเหมือนอาหารบูด มีแต่น้ำ พร้อมฝากถึงผู้บังคับบัญชาเข้ามาดูแล

ต่อมากองทัพบก โดย พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ออกมายอมรับว่า ผู้บังคับหน่วยดังกล่าวทราบเหตุการณ์แล้ว จึงพูดคุยทำความเข้าใจกับกำลังพล รวมถึงยอมรับข้อบกพร่องในการกำกับดูแลการแจกจ่ายอาหารให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ พร้อมให้ปรับปรุงเมนูอาหาร และวิธีการแจกจ่ายอาหารให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ เวรรักษาการณ์ ได้รับอย่างทั่วถึงพร้อมเพียงกัน

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม กำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการหักเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนของทหารกองประจำการในส่วนราชการ สังกัดกระทรวงกลาโหม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยหน่วยที่รับผิดชอบ กำกับดูแล รวมถึงให้การสนับสนุนการฝึกทหารใหม่ สามารถใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน ตรงตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม Admauto99

กลุ่มค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องหักจากเงินเดือนพลทหาร คือ การหักค่าประกอบเลี้ยง ประมาณ 2,100 บาทต่อเดือน หรือวันละประมาณ 70 บาท หรือ มื้อละ 23 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนำไปเปรียบเทียบราคาและคุณภาพอาหาร ซึ่งเป็นสวัสดิการภายในกำลังพลของกองบัญชาการกองทัพบกพบว่า ราคาถูกกว่าเท่าตัวของมื้ออาหารทหารกองประจำการ โดยแยกเป็นทหารชั้นสัญญาบัตร และทหารชั้นประทวน ซึ่งกินเมนูเดียวกัน ในราคามื้อละ 10 บาท โดยแต่ละมื้อ ประกอบด้วย ต้ม แกง ผัด ทอด หมุนเวียนกันไป ตบท้ายด้วยของหวาน

สำหรับเมนูในวันนี้ คือ ส้มตำไทย 1 จาน ต้มแซ่บหมู 1 ถ้วย ข้าวสวยพร้อมไก่ทอด 2 ชิ้น ส่วนของหวาน ลอดช่องน้ำกะทิ

ในขณะที่บุคคลทั่วไปที่เข้ามาติดต่อราชการ สามารถเข้ามาใช้บริการ โดยคิดราคาคนละ 40 บาท

โดยสวัสดิการอาหารกลางวันกำลังพล ขายในกองบัญชาการกองทัพบก หัวละ 10 บาท เกิดขึ้นในยุค พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีตผู้บัญชาการทหารบก หวังช่วยเหลือและลดค่าใช้จ่ายของกำลังพล ซึ่งเป็นการนำเงินส่วนตัวของ พล.อ.วิมล มาอุดหนุน ในส่วนต่างราคาอาหาร

ต่อมา วัตถุดิบประกอบอาหารมีราคาเพิ่ม ทำให้กองทัพบก จัดงบประมาณมาอุดหนุนจนถึงปัจจุบันนี้

กมธ.ปลาหมอคางดำ ถกข้อกฎหมาย ฟ้องหน่วยงานรัฐ ซัด 7 มาตรการไม่ตอบโจทย์

"กมธ.ปลาหมอคางดำ" ถกข้อกฎหมาย ฟ้องหน่วยงานรัฐ "ณัฐชา" ซัด 7 มาตราการ ไม่ตอบโจทย์ จี้ "นายกฯ" แก้ปัญหา อย่าให้เรื่องเงียบแบบหมูเถื่อน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ

โดยนายณัฐชา เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ส.ค.) กมธ.ได้เชิญสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มาพูดคุยเรื่องข้อกฎหมายเกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม ที่เราจะสามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม นายวิษณุไม่ได้มาร่วมประชุม

นายณัฐชา กล่าวว่า ที่ต้องเชิญมานั้น เนื่องจากประชาชนเตรียมจะฟ้องหน่วยงานภาครัฐ หากหน่วยงานยังนิ่งนอนใจ ไม่ดำเนินการใดๆ ก็ต้องแบกความรับผิดชอบ และภาษีของประชาชน กมธ.จึงต้องเดินหน้า เพื่อหาต้นตอสาเหตุของเรื่องนี้ให้ได้

โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องกฎหมายทั้งหมด และจะส่งหนังสือไปยังหน่วยงานและหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งกรมประมง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายณัฐชา กล่าวว่า ในส่วน 7 มาตรการของหน่วยงานภาครัฐ งบประมาณ 450 ล้านบาท ตนมองว่ายังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เพราะเป็นสิ่งที่สังคมทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขารอคอย คือต้นตอสาเหตุ และการประกาศเขตภัยพิบัติ เพื่อปั๊มหัวใจเกษตรกร ซึ่งเรายังไม่ได้ยินความชัดเจนจากฝ่ายบริหารเลย

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศอย่างมหาศาล ไม่สามารถปฏิเสธได้ ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ต้องยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกร เกษตรกรเปรียบเสมือนลูกค้า Admauto99

ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ต้องบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนทั้ง 17 จังหวัด รวมถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ต้องนั่งหัวโต๊ะ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อย่าให้เขาครหาหาว่าแอ็กชั่นทุกเรื่อง แต่จุดจบเหมือนกัน เพราะหมูเถื่อนก็เงียบหาย ตนจะไม่ยอมให้ปลาเถื่อน จบแบบหมูเถื่อน

ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเข้าปลาหมอคางดำ ที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมานั้น ทุกวันนี้ตนยังตามหาคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่เจอ แม้ว่าจะครบกําหนด 7 วันแล้ว ใช้งบประมาณถึง 450 ล้านบาท แต่ยังไม่มีความจริงใดๆ ปรากฏ ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าหน่วยงานรัฐมีความจริงจังกับประชาชนแค่ไหน สิ่งที่สัญญาไว้ยังไม่คืบหน้า ดังนั้นขอให้สังคมจับตา

เมื่อถามว่ามีการประเมินมูลค่าความเสียหายหรือยัง นายณัฐชา กล่าวว่า มีตัวอย่างชัดเจนแค่ตำบลเดียว ซึ่งคาดว่าเสียหายปีละ 100 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้ประเมินมูลค่าทั้งหมด แต่คร่าวๆ อาจถึง 10,000 ล้านบาท

เมื่อถามถึงกรณีที่บริษัทเอกชน มีการฟ้องร้องสื่อที่นำข้อมูลมาเปิดเผย นายณัฐชา กล่าวว่า เรายํ้าตลอดว่า พื้นที่ที่จะนำเสนอข้อมูลได้ดีที่สุด คือสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น หากต้องการโต้แย้ง นำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะ ก็ควรมาให้ข้อมูลกับกมธ. ซึ่งหน่วยงานภาครัฐยินดีนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับของบริษัทเอกชน และหากอยากให้ข้อมูล เราก็ยินดีที่จะส่งหนังสือเชิญรอบที่ 3

เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่า กมธ.จะไม่ใช่กระบวนการฟอกขาวให้บริษัทเอกชน นายณัฐชา กล่าวว่า เราต้องการบรรเทาความโกรธของสังคม โดยการทำความจริงให้ปรากฏ ว่าใครคือต้นตอสาเหตุ ส่วนจะต้องมีผู้ถูกดำเนินคดีหรือไม่นั้น

"ยืนยันว่ากมธ.ต้องการหาผู้รับผิดชอบ ซึ่งปลายทางคือการดำเนินคดี วันนี้ปลาหมอคางดำระบาดไป 17 จังหวัด จากที่ตอนเริ่มต้นมี 2 จังหวัด การนิ่งเฉยทำให้เรื่องนี้บานปลาย จนจะกลายเป็นปัญหาระดับภูมิภาค เราไม่อยากให้เกิดขึ้น" นายณัฐชา กล่าว

 ADMAUTO99 วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์มิเรอร์มีเดีย เผยเรื่องราวชวนสยองจากคุณแม่รายหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เมื่อเธอพาลูกสาววัย 4 ขวบไปกินเบอร์เกอร์ที่ร้านชื่อดัง Burger King ในมืองเกทซ์วิลล์ รัฐนิวยอร์ก แต่กลับได้เจอกับประสบการณ์ฝันร้าย เมื่อซอสมะเขือเทศในเบอร์เกอร์ของลูกสาวไม่ใช่ซอสธรรมดา แต่มันกลับกลายเป็น "เลือดของมนุษย์"ทิฟฟานี ฟลอยด์ โพสต์คลิปวิดีโอเล่าเรื่องราวทาง TikTok เผยว่า เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เธอได้ขับรถไปกับลูกสาว ก่อนจะแวะเ ADMAUTO99 ข้าไปซื้อเบอร์เกอร์ผ่านช่องบริการแบบไดร์ฟทรู เธอสั่งเบอร์เกอร์ให้ลูกสาว ก่อนที่ทางพนักงานจะใส่ถุงกระดาษส่งมาให้ เธอจึงยื่นให้ลูกสาวไปทั้งถุง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงลูกสาวบ่นซ้ำ ๆ ว่า "มีซอสมะเขือเทศมากเกินไป หนูไม่ชอบซอสมะเขือเทศเลย"   ทิฟฟานีจึงหยิบถุงเบอร์เกอร์ของลูกสาวมาเปิดดู โดยตอนแรกคิดว่าทางร้านอาจจะทำมาชุ่ย ๆ จนซอสเปื้อนถุงเลอะเทอะ แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดดูกลับต้องตกใจยิ่งกว่านั้น เมื่อสีแดง ๆ ที่เห็นไม่ใช้ซอสหรือใกล้เคียงกับของกินแต่อย่างใด แต่มันคือเลือดของคน เธอรู้สึกสยดสยองมากรีบบอกให้ลูกคายออกมา เธอไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวจะได้กินเบอร์เกอร์ที่เต็มไปด้วยเลือด ทิฟฟานีรีบโทรศัพท์ไปร้องเรียนเรื่องราวนี้กับทางร้าน ต่อมาทางผู้จัดการสาขายอมรับว่า เป็นเลือดของทางพนักงานในครัวจริง วันนั้นเขาถูกของมีคมบาดแลมีเลือดออกที่มือจริง ทำให้เลือดเปื้อนไปกับกระดาษห่อเบอร์เกอร์อย่างไม่ได้ตั้งใจ พร้อมทั้งขออภัยและยินดีจะคืนเงินให้ แต่ทางทิฟฟานีรู้สึกไม่พอใจกับการดำเนินการของทางร้าน เธอคิดว่าทางร้านควรให้พนักงานไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที แต่ทางร้านกลับปล่อยให้มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น และคงไม่มีอะไรชดเชยความตกใจของลูกสาวเธอได้

รมว.แรงงาน หารือ รมว.จ้างงาน ประเทศฟินแลนด์ เตรียมส่ง 900 คนไทยไปเก็บเบอร์รี่ป่า
รมว.แรงงาน ไทย หารือ รมว.จ้างงาน ประเทศฟินแลนด์ เตรียมส่ง 900 คนไทยไปเก็บเบอร์รี่ป่า การันตีความปลอดภัย สวัสดิภาพ สวัสดิการ ย้ำตรวจเข้มวีซ่าเรสซิเด้นท์-ใบอนุญาตทำงาน

31 ก.ค. 67 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมการประชุมหารือกับนายอาร์โต ซาโตเน็น (H.E.Arto Satonen) รัฐมนตรีด้านการจ้างงานประจำกระทรวงการเศรษฐกิจและการจ้างงานฟินแลนด์ และคณะ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)

เพื่อหารือเกี่ยวกับ การจัดส่งแรงงานไทย กลุ่มผู้เก็บเบอร์รี่ป่าไปทำงานในประเทศฟินแลนด์ ในประเด็นการอนุญาตการตรวจลงตรา (VISA) ให้แก่แรงงานไทย Admauto99

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเศรษฐกิจและการจ้างงาน ประเทศฟินแลนด์ ที่ได้แสดงความประสงค์ ที่จะหารือกับกระทรวงแรงงานในวันนี้ ขณะนี้ นายจ้างได้ดำเนินการทำสัญญาจ้างเสร็จสิ้นจำนวน 900 คนแล้ว และรัฐบาลฟินแลนด์ได้ตรวจสอบ เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาจ้างแล้ว

ทั้งนี้ ตนได้แจ้งต่อ รมว.การจ้างงานฯ ฟินแลนด์ว่า หากทางการฟินแลนด์ต้องการแรงงานไทยเพิ่มเติมนอกเหนือจำนวนดังกล่าว ขอให้ช่วยแจ้งกระทรวงแรงงานเข้ามา ซึ่งกระทรวงแรงงานขอขอบคุณที่ท่านไว้วางใจให้คนไทยได้ไปทำงานในฟินแลนด์ และตนมีกำหนดการที่จะเดินทางไปเยี่ยมพบปะกับแรงงานไทยที่ไปเก็บผลไม้เบอร์รี่ในประเทศฟินแลนด์ ช่วงประมาณเดือนกันยายนนี้

"กระทรวงแรงงานมีความพร้อมและยินดีที่จะจัดส่งแรงงานไทยไปเก็บผลไม้เบอร์รี่ในประเทศฟินแลนด์โดยเร็วที่สุด ซึ่งหากเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้หารือตกลงกับท่าน รมว.การจ้างงานฯ ฟินแลนด์ และคณะในวันนี้ ซึ่งเราขอให้ทางการฟินแลนด์ส่งเอกสารไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ และเมื่อตรวจสอบความถูกต้องตรงกันแล้ว กระทรวงแรงงานก็พร้อมจัดส่งแรงงานไปได้ เพื่อให้ทันกับฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลไม้เบอร์รี่ของฟินแลนด์

จากการหารือในวันนี้นับเป็นโอกาสอันดีของทั้งสองประเทศที่ได้ตกลงร่วมกัน เพื่อให้การจัดส่งแรงงานกลุ่มผู้เก็บเบอร์รี่ป่าไปทำงานในประเทศฟินแลนด์ ได้รับการรับรองถึงความปลอดภัย สวัสดิภาพ สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ที่แรงงานทุกคนพึงได้รับ ซึ่งจะส่งเสริมให้มีแรงงานประเภทดังกล่าวเดินทางไปทำงานเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต" นายพิพัฒน์ กล่าว

ด้าน นายอาร์โต ซาโตเน็น(H.E.Arto Satonen) รัฐมนตรีด้านการจ้างงานประจำกระทรวงการเศรษฐกิจและการจ้างงานฟินแลนด์ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ที่เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกัน

ซึ่งผลจากการหารือในวันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีการจัดส่งแรงงานไทยเข้ามาเก็บเบอร์รี่ในประเทศฟินแลนด์โดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้เรามีความต้องการแรงงานจำนวนมาก รัฐบาลฟินแลนด์ได้มีการปรับเงื่อนไข เนื่องจากในอดีตแรงงานใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามา แต่ในปี 2024 นี้ คนที่จะเข้ามารัฐบาลฟินแลนด์ จะมีการตรวจสัญญาจ้างอย่างเข้มงวดก่อนออกวีซ่าเรสซิเด้นท์ และใบอนุญาตทำงาน จึงจะเข้ามาทำงานได้

ที่สำคัญแรงงานต้องมีสัญญาจ้าง มีชั่วโมงการทำงาน 8 ชั่วโมง และได้รับค่าจ้างตามที่รัฐบาลฟินแลนด์กำหนด ขณะเดียวกัน ตม.ของฟินแลน์ ได้ดำเนินการอย่างใกล้ชิด เพื่อคุ้มครองแรงงาน

 ADMAUTO99 วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์มาเลย์เมล รายงานว่า แม่ค้าขายเครื่องสำอางรายหนึ่งในประเทศมาเลเซีย กลายมาเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ หลังผู้คนพากันแชร์ต่อคลิปที่เธอถูกสามีบุกเข้ามาด่าและขอหย่ากลางไลฟ์ ต่อหน้าคนดูไลฟ์กว่า 3,000 คน ที่เจอเรื่องช็อกไปพร้อม ๆ กับแม่ค้ารายนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ นูร์ ฮัซวานี มุสตาฟา แม่ค้าออนไลน์วัย 37 ปี นั่งไลฟ์ขายของทาง TikTok @wanieymustapha3 อยู่ที่บ้านของเธอในรัฐกลันตัน ของมาเลเซีย โดยระหว่างนั้นจู่ ๆ สามีวัย 40 กว่าปีก็โผล่เข้ามาในบ้าน และเริ่มต่อว่าเธออย่างรุนแรง  ADMAUTO99 เมื่อสามีแรงมา ฝ่ายแม่ค้าสาวก็แรงกลับไปไม่แพ้กัน โดยเธอยอมรับว่าตอนนั้นเธอกับสามีต่างก็โต้เถียงและยั่วยุกัน อารมณ์ของทั้ง 2 ฝ่ายรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดเขาก็ประกาศหย่ากับเธอ นูร์ ฮัซวานี ชี้ว่าจริง ๆ แล้วสามีนั้นแอบไปแต่งงานกับหญิงคนอื่นในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา โดยที่เธอไม่รู้ในตอนนั้น คาดว่าเขาพาเมียน้อยไปแต่งงานกันในประเทศไทย จริง ๆ ตอนแรกเธอก็อยากจะยอมรับให้เขามีภรรยาคนที่ 2 ได้ แต่เนื่องจากทั้งคู่เอาแต่เหน็บแนมและยั่วยุเธอตลอดเวลา เธอจึงไม่อาจยอมรับหญิงคนนี้เป็นภรรยาคนที่ 2 ของสามี และการที่สามีดูจะรักผู้หญิงคนนั้นมากกว่า ก็ทำให้เธอท้อแนอกจากนี้ นูร์ ฮัซวานี ยังเล่าว่าเธอแต่งงานกับสามีมานานถึง 10 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน อายุ 4 และ 7 ขวบ ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานเป็นตำรวจหญิง แต่ก็ยอมลาออกมาอยู่กับสามีเพื่อดูแลครอบครัว มาอยู่เคียงข้างเขา ในช่วงแรก ๆ ที่แต่งงานกัน เธอต้องอดทนต่อความลำบากมากมายร่วมกันเขา แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อชีวิตของพวกเธอดีขึ้นแล้ว นี่จะเป็นสิ่งตอบแทนที่เธอได้รับ ย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะถูกสามีขอหย่าต่อหน้าคนดู 3,000 คนในไลฟ์ นูร์ ฮัซวานี ชี้ว่าเธอทำได้แค่ยอมรับมัน และจะขอดำเนินชีวิตต่อไปกับลูก ๆ รวมถึงอยากโฟกัสกับธุรกิจออนไลน์ให้เต็มที่